ผลการดำเนินงานเชิงเศรษฐกิจ
จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ภาวะการถดถอยทางด้านเศรษฐกิจ ภาวะสงครามที่ส่งผลต่อต้นทุนด้านพลังงงาน ด้านการขนส่ง และการผลิตที่สูงขึ้น ฯลฯ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งในด้านอุปทานและอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่มีการปรับตัวลดลง อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความปลอดภัยในการดำรงชีวิต บริษัท จึงได้มีการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ พัฒนาการดำเนินงานและการบริการให้มีความยืดหยุ่น พร้อมทั้งปรับตัว พัฒนาองค์กรให้พร้อมรับต่อสถานการณ์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ พร้อมทั้งส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องและเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ (จากงบการเงินรวม)
หน่วย : ล้านบาท
รายได้รวม |
ค่าจ้างและผลประโยชน์พนักงาน |
ภาษีจ่าย |
EBITDA |
กำไรสุทธิ |
เงินปันผลต่อหุ้น |
44,963 |
7,300 |
186.91 |
10,055 |
4,305 |
0.10 |
เป้าหมาย
|
การบริหารจัดการ
|
ผลการดำเนินงาน ที่สำคัญในปี 2566 |
แนวทางสำหรับปรับปรุง การดำเนินงานในอนาคต |
- สร้างศักยภาพในการเติบโตและผลตอบแทนที่ดี ให้แก่องค์กรในระยะยาว และส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี
|
- ปฏิบัติตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี และจรรยาบรรณธุรกิจของกลุ่มบริษัท ตลอดจนส่งเสริมวัฒนธรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดูแลรับผิดชอบ ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมให้มีการปฏิบัติและดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิผู้บริโภค และการใช้แรงงานอย่างเป็นธรรม - มุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยมีทีมงานวิจัยและพัฒนาของกลุ่มทีพีไอโพลีนเอง - มุ่งเน้นการบริหารจัดการองค์กรตามนโยบาย BCG ในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิต - พัฒนาโครงการต่อเนื่องในการนำเชื้อเพลิงขยะมาใช้ทดแทนถ่านหินในโรงปูนซิเมนต์ทั้ง 4 สายการผลิต เพื่อลดต้นทุนการผลิตปูนซิเมนต์ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน - Saving in cement & binders การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในการลดการใช้ปูนเม็ด เพิ่มการใช้วัสดุทดแทน ส่งเสริมการใช้ปูนซิเมนต์แบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Cement) เช่น พัฒนาปูนซิเมนต์ไฮดรอลิก เพื่อใช้ทดแทนปูนซิเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 เป็นต้น - Savings in clinker production โดยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการเผาปูนเม็ด เพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล เชื้อเพลิงจากของเสียอุตสาหกรรม หรือขยะชุมชน โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี 2564 และจะแล้วเสร็จในปี 2566 - การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดหมุนเวียนอย่างสมบูรณ (REC – Electricity Energy use Renewable Energy 100%) โดยผลิตไฟฟ้าใช้ภายในกลุ่มทีพีไอ โพลีน ในการผลิตปูนซิเมนต์ และการจัดซื้อ REC (Renewable Energy Certificate) เพื่อทำให้การผลิตปูนซิเมนต์ใช้พลังงานหมุนเวียนได้เต็ม 100 % - มุ่งให้ความสำคัญกับตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche market) สำหรับผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก EVA ซึ่งมีอัตรากำไรสูง และเพิ่มกำลังการผลิตกาวน้ำและกาวผง - พัฒนากระบวนการผลิตทั้งวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าคุณภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ขยายสายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ด้วยการออกแบบที่แตกต่างอย่างมีคุณค่าในราคาที่แข่งขันได้ พร้อมจัดระบบการขนส่งและส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้ตามต้องการและถูกต้อง - ติดตั้งเครื่องจักรในส่วนเตาเผาปูนซิเมนต์ เพื่อลดการใช้ความร้อน(Heat Consumption) ลดค่าซ่อมแซม ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิตปูนซิเมนต์ - เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ปูนสำเร็จรูป ไฟเบอร์ซีเมนต์ กระเบื้องคอนกรีต และอิฐมวลเบา ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด - ขยายช่องทางการจำหน่ายในร้านค้าปลีกแบบสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และหัวเมืองหลัก รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายในรูปแบบร้านค้าปลีกที่เหมาะกับวิถีปกติใหม่ (New Normal) และช่องทางขายแบบ Online เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกมากขึ้น - พัฒนาระบบ Logistic จัดส่งสินค้าและบริการให้ถึงลูกค้าอย่างรวดเร็วถูกต้อง และมีมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า มีศูนย์จำหน่ายสินค้าและวัตถุดิบที่กระจายอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั่วประเทศ โดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงในการบริหารสินค้าคงคลัง มีร้านค้าปลีกรองรับการขายให้กับลูกค้า เพื่อให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น |
- เป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิตและจำหน่ายกาวน้ำและกาวผงออกสู่ตลาดภายใต้ แบรนด์ Polene® -ในปี 2566 บริษัท ยังเป็นผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จของไทยรายแรกที่ได้การรับรองผลิตภัณฑ์ Made in Thailand (MiT) โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประกาศบังคับใช้กับโครงการของรัฐต่อเนื่องมาจากปี 2564 ที่ประกาศใช้ นอกจากนี้ ทีพีไอ คอนกรีต ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิตและการออกแบบผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพื่อให้ได้สินค้าที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง สามารถตอบสนองความต้องการคอนกรีตของลูกค้าเจ้าของโครงการทั้งภาครัฐและเอกชนได้หลากหลายมากขึ้น - พัฒนาคอนกรีตโดยนำเถ้าถ่านหินที่เป็นวัสดุเหลือทิ้งจากโรงไฟฟ้ามาใช้แทนปูนซิเมนต์ได้ 50% และ การใช้ปูนซิเมนต์ไฮโดรลิก ทดแทนปูนซิเมนต์ปอร์ตแลนด์ จึงมีการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จสูตรลดโลกร้อน ซึ่งใช้ปูนซิเมนต์ไฮดรอลิคมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ หรือ คอนกรีตความร้อนต่ำที่ช่วยลดความร้อนสะสมในคอนกรีตโครงสร้างขนาดใหญ่ และเพิ่มความคงทนให้คอนกรีตสามารถทนทานต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆได้ดี และยังเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับงานก่อสร้างอาคารเขียวตามมาตรฐาน LEED และ TREES สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าว - เปลี่ยนธุรกิจโพลิเมอร์ (Polymer) ไปสู่ผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์เกรดพิเศษ (Specialty Polymer) นำก๊าซ Ethylene และสาร Vinyl Acetate ที่ต้องกำจัดทิ้งจากขบวนการผลิตเม็ดพลาสติกกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบ ช่วยลดต้นทุนการผลิต และลดการปล่อยมลพิษสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อม - TPIPL สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการพัฒนากระบวนการการผลิต (Production Process) จาก ผลงาน “อุปกรณ์สร้างกระแสลมวนบนปล่องไฟแบบมีช่องเปิด” เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน โดยการใช้พลังงานลมในการช่วยเพิ่มแรงลมภายในปล่อง ช่วยให้พัดลมระบายอากาศใช้พลังงานในการขับอากาศออกจากปล่องลดลง ซึ่งในแต่ละปีการระบายอากาศที่เกิดจากกระบวนการผลิต จะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมากในการขับอากาศออกจากระบบ โดยนวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยในการลดต้นทุนด้านพลังงานให้แก่ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผลหลังการติดตั้งใช้งานสามารถช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในการขับอากาศอยู่ที่ประมาณ 3-41% ซึ่งจากจำนวนที่ติดตั้งทั้งหมด 9 ชุดในปี 2566 ช่วยให้บริษัทใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับอากาศได้ประมาณ 7,974,781.60 kWh/ปี (คิดเป็นจำนวนเงินที่ประหยัดได้ประมาณ 23,126,866.63 บาทต่อปี) หรือลดการใช้พลังงานฟอสซิลสำหรับการผลิตไฟฟ้าลง 0.00379 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเสมือนการปลูกป่าเท่ากับ 3,794 ไร่ อุปกรณ์สร้างกระแสลมวนบนปล่องไฟแบบมีช่องเปิด ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สร้างโดยบริษัท ในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษ หรือผลกระทบใดๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจขององค์กร และยังสร้างแรงบัลดาลใจ ให้แก่พนักงานในองค์กรได้มีความคิดริเริ่มในการสร้างสิ่งใหม่ๆ รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดชิ้นงานและนำมาใช้งานได้จริงให้แก่ทั้งองค์กร และประเทศชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้แก่องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยในการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ประเทศต่อไปในอนาคต - นอกจากนี้บริษัท ยังคงเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีภายในองค์กรและบุคลากรของบริษัท ที่มีการสั่งสมประสบการณ์การผลิตมากว่า 40 ปี การแปรสภาพด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งใช้ spare part recycle และระบบ TPM มาดูแลเครื่องจักรร่วมกับการใช้เทคโนโลยีด้านซอฟต์แวร์การจัดการทรัพยากร (ERP: Enterprise Resources Planning) และการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) - บริษัท มีรายได้จากการขาย 42,807 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายในธุรกิจวัสดุก่อสร้างคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56.3 ของรายได้จากการขายรวม ส่วนรายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.6 ของรายได้จากการขายรวม และธุรกิจพลังงาน /สาธารณูปโภค คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.8 ของรายได้จากการขายรวม - ต้นทุนขายของบริษัท อยู่ที่ 32,900 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.9 ของรายได้จากการขาย - บริษัท มีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปกติ (ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีเงินได้นิติบุคคล) 4,509 ล้านบาท - ในปี 2566 ไม่มีเหตุกรณีถูกฟ้องดำเนินคดี เสียค่าปรับ หรือได้รับโทษอื่น รวมถึงไม่มีกรณีพิพาทที่ต้องดำเนินการผ่านกลไกการระงับข้อพิพาทอันเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบอื่น ๆ ด้านเศรษฐกิจและสังคม [2-27]
|
- พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งผลิตสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของตลาด ซึ่ง มีแนวโน้มความต้องการในการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ในประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมจากสถานการณ์โควิด-19 ที่สามารถควบคุมได้ในหลาย พื้นที่ รวมถึงการส่งออกที่คาดว่ามีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งปัจจัยหนุนด้านการลงทุนในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชน และระบบโครงข่ายการคมนาคมในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศ และการเข้าสู่ ASEAN Economics Community (AEC) รวมถึงนโยบายที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาทิ นโยบายผ่อนคลายเพดาน LTV (อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน) เป็น 100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ การรีไฟแนนซ์และสินเชื่อเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการกระตุ้นความต้องการซื้อภายในประเทศให้มีการฟื้นตัว - ดำเนินโครงการติดตั้งสายพาน และก่อสร้าง CDE Plant (Site C) เพื่อนำหินคลุกมา Recycle เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรให้แก่ธุรกิจปูนซิเมนต์ - บริษัท มีนโยบายปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ไปสู่โพลีเมอร์ เกรดพิเศษ (Specialty Polymer)ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกที่มีองค์ประกอบและโครงสร้างทางเคมีที่ซับซ้อนกว่าเดิม โดยการปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตและเครื่องจักรให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ราคาสูงขึ้น และมีผู้ผลิตจำนวนจำกัดอยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกา ทั้งนี้เทคโนโลยีการผลิตเหล่านี้ไม่มีบริษัท ใดขายเทคโนโลยีการผลิตได้เหมือนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีพื้นฐานอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้บริษัท จึงจำเป็นต้องวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ดังกล่าวเอง โดยอาศัย pilot reactor ชนิดพิเศษที่สามารถทำปฏิกิริยาที่ความดันสูงถึง 3,000 bar ที่บริษัท ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว เพื่อผลิตตัวอย่างสินค้ามาใช้สำหรับการทดสอบและทดลองตลาดใหม่ ๆ ก่อนที่จะพัฒนานำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับสายการผลิตจริงในอนาคต โดยทางบริษัท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษประเภทใหม่ได้ ภายในปี 2567
|
ปี 2566 บริษัท มีการกระจายมูลค่าเศรษฐกิจทางตรงไปยังผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ ก่อให้เกิดมูลค่าเชิงเศรษฐกิจสะสมจำนวน 6,403 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มูลค่าเชิงเศรษฐกิจทางตรงที่สร้างขึ้นและที่แจกจ่าย (Direct Economic Value Generated and Distributed) [201-1] |
ปี 2566 * (ล้านบาท)
|
(1) มูลค่าเชิงเศรษฐกิจทางตรงที่สร้างขึ้น (Direct Economic Value Generated) |
|
รายได้ (Revenues) |
34,104 |
(2) มูลค่าเชิงเศรษฐกิจที่แจกจ่าย (Economic Value Distributed) |
|
ต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Costs) |
18,312 |
ค่าจ้างและผลประโยชน์พนักงาน (Employee Wages and Benefits) |
5,562 |
เงินที่ชำระแก่เจ้าของเงินทุน (Payments to Providers of Capital) |
3,799 |
เงินที่ชำระให้แก่รัฐบาล (Payments to Government) |
- |
การลงทุนในชุมชน (Community Investment) |
28 |
รวม |
27,701 |
มูลค่าทางเศรษฐกิจสะสม (1) – (2) (Economic Value Retained) |
6,403 |
หมายเหตุ : * จากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท