Bannner_News
You are here:Home/ข่าวสาร/ข่าวประชาสัมพันธ์/ข่าวประชาสัมพันธ์

โครงการชาวนามหาเศรษฐี

 

ข้าวพันธุ์ กข. 43 ทางเลือกใหม่ ของคนใส่ใจสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์เกษตรออแกนิค ทีพีไอ

            ข้าวพันธุ์ กข.43 ในปัจจุบันกำลังเป็นที่จับตามอง เนื่องจากเป็นข้าวขาวทานง่าย ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะกับผู้บริโภคที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ รวมถึงผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก ที่ต้องการจะลดปริมาณน้ำตาลจากข้าว และอาหารที่กินในแต่ละวัน แต่จะดีแค่ไหนหากสามารถปลูกด้วยปุ๋ยออแกนิคทั้งระบบ

            โครงการชาวนามหาเศรษฐี โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน ชีวะอินทรีย์ จำกัด ได้ทำแปลงตัวอย่างร่วมกับ พ่อหอม ฮวดใช้ เจ้าของแปลงนาข้าว ปลูกข้าวในพื้นที่ 10 ไร่ ที่ ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 อายุข้าว 95 วัน โดยได้ข้าวถึง 930 กก.ต่อไร จากการใช้ปุ๋ยออแกนิค ทีพีไอ เท่านั้น

            พ่อหอมเผย เคล็ดลับความสำเร็จ มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์เกษตรออแกนิค ทีพีไอตามที่ทางบริษัทฯ แนะนำ โดยจะมีการ ให้ปุ๋ยทางดิน ด้วยปุ๋ยเม็ดถ้ำค้างคาว 25 กก. สารปรับสภาพดิน pH11 พลัส 25 กก. ปุ๋ยเขียว 1 ลิตร น้ำส้มควันไม้ 0.5 ลิตร ผสมน้ำ 4 ลิตร ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ต่อพื้นที่ 1 ไร่ โรยหว่าน ทั่วนาข้าว เมื่อข้าวอายุได้ 27 วัน และ 47 วัน             

นอกจากนี้เมื่อข้าวอายุได้ 45 วัน ยังมีการให้ปุ๋ยทางใบ ด้วย  ปุ๋ยเขียว 1 ลิตร ปุ๋ยม่วง 1 ลิตร น้ำส้มควันไม้ 1 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร ต่อพื้นที่ 1ไร่ ฉีดพ่นทางใบ ทุกๆ 15 วัน

             สำหรับแปลงข้าว กข.43 ของพ่อหอมนี้   งบใช้ผลิตภัณฑ์เกษตรออแกนิค ทีพีไอ แค่10,000 บาท บนพื้นที่ 10 ไร่ ได้ข้าว ทะลุเป้าถึง 930 กิโล/ไร่  จากปกติ ข้าวกข. 43 ได้ไร่ละไม่ถึง 600 กิโล แล้วยังได้เพิ่มมูลค่าราคาข้าว   อีก 2,000 บาท/ตัน จากโรงสีที่รับซื้อเนื่องจากเป็นข้าวที่ปลอดสารพิษ โดยใช้ผลิตภัณฑ์เกษตรออแกนิค ทีพีไอ อย่างนี้ได้ทั้ง ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าผลผลิต เป็นข้าว เพื่อสุขภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ปลูกอีกด้วย

 

 

 

 

 

 

บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมบริจาคน้ำดื่มตรา TPIPL ขนาด 600ml. จำนวน 12,000 ขวด

บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมบริจาคน้ำดื่มตรา TPIPL ขนาด 600ml. จำนวน 12,000 ขวด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุการณ์ #สันเขื่อนแตก ที่ สปป.ลาว โดยผ่าน #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 

 

 

 

 

 

รายละเอียดโครงการ หมู่บ้านบุราสิริ พัฒนาการ

ายละเอียดโครงการ หมู่บ้านบุราสิริ พัฒนาการ

 

โครงการคุณภาพจากแสนสิริ หมู่บ้านบุราสิริ พัฒนาการเป็นหนึ่งในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ทีพีไอ โพลีน โดยทางโครงการฯได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคา รุ่นลักเชอร์เรียผิวส้ม สีเทามาเลส, สีเทาเมฆา, สีน้ำตาลแทมมารีนและผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ ประเภทไม้เชิงชายทีพีไอ

ผลิตภัณฑ์คุณภาพทีพีไอ โพลีน ด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียดของวัสดุที่เลือกใช้เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและตอบใจทย์การใช้งานของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด 

 

 

 ผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาทีพีไอ โครงการหมู่บ้านบุราสิริ พัฒนาการ

 

ผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาทีพีไอ โครงการหมู่บ้านบุราสิริ พัฒนาการ

 

 

กราบขอบพระคุณ

ในนามของ บุตร ธิดาและหลาน เจ้าภาพขอขอบพระคุณ บริษัทฯ ตัวแทนบริษัทฯ ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ญาติ และมิตรสหายทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมในการฟังสวดอภิธรรมทำบุญบำเพ็ญกุศล นำพวงหรีดมาเคารพ ร่วมพิธีกงเต๊ก และร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ตลอดจนเดินทางมาร่วมงานฝังศพ ณ สุสานสว่างรัตนตรัย อ.แก่งคอย จ.สระบุรีของนางบุญศรี เลี่ยวไพรัตน์ ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม ถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2561

TPIPL คาดรายได้ปี 2561 เติบโต 15-20% พร้อมบันทึกกำไรจากการดำเนินธุรกิจ

นายประเสริฐ อิทธิเมฆินทร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายบัญชีและการเงิน กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้จากการขายในปี 2561จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 33,500 - 35,000 ล้านบาท เติบโต 15 - 20% จากประมาณ 29,000 ล้านบาทในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยคาดว่ารายได้จากการขายปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างของบริษัท จะเพิ่มขึ้นตามตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศ ที่จะเติบโตต่อเนื่องจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และระบบคมนาคมของภาครัฐอันได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ  รถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ เพื่อเชื่อมต่อตามหัวเมืองใหญ่ และภูมิภาค การขยายมอเตอร์เวย์ และถนนในภูมิภาคต่างๆ  การขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2  สนามบินอู่ตะเภา  การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในเขต 3 จังหวัดซึ่งได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราเพื่อรองรับโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนลงทุนก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมเป็นจำนวนมากในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า TPIPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการ COD โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (TG6-70MW) นำมารวมกับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง (TG4-30MW) เพื่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้า      ฝ่ายผลิต ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90MW โดยได้รับ Adder 3.50 บาทต่อหน่วย เพิ่มเติมจากค่าไฟฐานในปัจจุบันที่ประมาณ 2.94 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปี  รวมทั้งการ COD โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน-เชื้อเพลิงขยะ (TG7-70MW) และโรงไฟฟ้าถ่านหิน (TG8-150MW) เพื่อขายไฟฟ้าให้บริษัท

อนึ่งราคาหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทมีมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเท่ากับ 2.61 บาท โดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นใน TPIPP จำนวน 5,899,999,300 หุ้น หรือ 70.24% และบันทึกบัญชีหุ้นดังกล่าวในราคาทุนหุ้นละ 1 บาท (ตามมูลค่าที่ตราไว้) เปรียบเทียบกับราคาตลาดของหุ้น TPIPP ที่ราคาประมาณหุ้นละ 7 บาท ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าเงินลงทุนในหุ้น TPIPP เพิ่มขึ้น ประมาณ 35,400 ล้านบาท โดยมูลค่าเพิ่มดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่าหุ้น TPIPL มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกประมาณหุ้นละ 1.70 บาท แต่บริษัทยังมิได้บันทึกบัญชีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวในงบการเงินของบริษัทโดยได้บันทึกบัญชีหุ้นดังกล่าวในราคาทุนหุ้นละ 1 บาท (ตามที่มูลค่าตราไว้)